วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ผู้ตื่นอยู่

ใครบ้างค้นลงไป
เปิดใบบังค่อยแจ้ง
ไขที่ข้องค่อยโล่ง
เฉลยคำตอบดวงตะวัน

เธอบอบบาง
บำรุงเบิกบานมิเผลอตน

นั่น! แมลงหิวจัด
ก้มกัดญาติมิตร
เธอตื่นอยู่ เพียรพร้อม
วันคลาดแคล้ว คืนเตรียมสู้

ใกล้มัจจุราช
ทางรอดแนบข้าง
ผลน้อยๆ เติบตนขึ้นแทน

เสียงสวดสาธุการ
ส่องใสสอดสานกังวาน
โลกมอบอิสริยยศ
ขณะมือเยาว์ปลิดใบปลื้ม

| คำแต้ม  by ທາງຫອມ|
พ. ๒๗ พฤศจิกา ๒๕๕๖
---------------------------------

|เล่าตามคำแต้ม|
ตอน แตงกว่าอ่อน

ใครเคยลิ้มรสหวานผลแตงกว่าอ่อน  จากเถาว์ตรงหน้า มือเด็ดขึ้นมา เช็ดขากางเกงมอมสีขี้ตม ย่อมรู้รสชาติดี

แน่ล่ะ กัดเคี้ยวกลืนกินก่อนข้าวเช้าข้าวงาย เหมือนเป็นผลแห่งกรรมดีแต่ปางใด ธรรมชาติจึงประทานให้ได้ลิ้ม

ไม่นานมานี้ ผมเคยไปเลือกแตงกว่าอ่อนที่ตลาด ดูแผงแม่ค้าพ่อค้าหลายเจ้า 
ลูกงามๆ ทั้งนั้น ในใจนึก 'แผงใดเล่า สดสวยแบบไม่มีสารพิษจากยาฆ่าแมลง 
จากปุ๋ยทางใบ จากลมฝุ่นควันตกค้าง' ใจหนึ่งว่า 'นำไปแช่น้ำ ล้างออกได้น่า' 
อืมม...

พลันนึกถึงโพนหอมแดงของพ่อ  ที่แม่นำเมล็ดแตงกว่าไปแหนบไว้ต้านตีนโพน
รดน้ำ ให้ปุ๋ยหอมในแปลง  แตงกว่าที่ต้านตีนโพนก็งอกงามตามกันไป ก่อนสองเดือน ที่ครบกำหนดกู้หอมไปแขวนตากใต้ตะหล่างเฮือน ผลแตงกว่าก็อวดตน ให้คนสวนได้ลิ้มรสแห่งแรงงาน ผลกรรมทำเองนี่ล่ะ หวานใจนัก

ตอนนั้น ผมยังเด็ก ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยทางราก ทางใบยังมีน้อย ไม่แพร่หลาย ไม่แย่งโฆษณาค้าแข่ง ชาวสวนยังไม่มีหนี้ ไม่ต้องเร่งรัดตนทำของออกขาย  ปลูกหอมได้หอมแก่หอมหัวต่ง เก็บไว้กินไว้ฝากเป็นแก่น มัดออกขายเป็นทุนรอนชีวิตสืบมื้อ

วันนี้ ผมขาวหงอกแซมหัว หวนทบทวน ตอนผมออกจากบ้านมากระมัง ค่าเทอม ม.ปลาย วิทยาลัย... ค่าแลกเอาโอกาสศึกษาสมัยใช่ไหม? เป็นหนึ่งเหตุให้ชาวสวน
ในท่งข้าวนาหอมต้องเป็นหนี้ และถีบตนเป็นนักปลูกสินค้า หรือว่ามีเหตุอื่นๆ ใดบ้างเล่า?

ผมอยากกลับไปเก็บแตงกว่าต้านตีนโพน ลูกน้อยๆ เช็ดขากางเกงดำชุดทำงานที่ช่างวัดตัดพอดีตัว แล้วกัดกินอีกครั้ง มันจะหวานเหมือนวันนั้นไหมหนอ...

| คำตามคำแต้ม by ທາງຫອມ |
สวยๆ พ. ๒๑ ตุลา ๒๕๖๓
ในเมืองใหญ่ตรงข้ามปากเซ

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ผู้โปรยทาน

เช้าของวันอังคาร
บ้านสีดอกเฟื่องฟ้า
ใครสักคนบันทึกโลก
บรรจุใจดวงงาม

เธอย้อยระย้า
เหนือเถียงนาอัปลักษณ์
รอลมพรมพลิ้วอยู่เงียบ ๆ

มิแยแสสังคมไม้
มิเบื่อป่ายปีนคาคบ
เท่าที่รากจะหาอาหาร
หล่อเลี้ยงให้เลาะเลื้อย

กระทั่งสาย  แดดกล้า
กระทั่งล้า  โปรยดอก
ระบายสีม่วงชมพู
ให้แผ่นดิน
ให้ฉากชนบทอิ่มสีสัน
ให้หยิบยื่นในคุณค่า
'เพียงเท่านี้'

| คำแต้ม : ทางหอม |
ศ. ๑ พ.ย. ๒๕๕๖


|เล่าตามคำแต้ม|
เถียงนาและเธอ

หน้าบ้านพักครู ที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอยางชุมน้อย บ้านเกิด 

ผมสั่งเถียงนาน้อยจากช่างทำเถียงอาชีพไทบ้านธาตุน้อย มาตั้งหน้าบ้านพัก ข้างโรงจอดรถ 
เป็นเถียงนามุงไพหญ้าคา สะแนน-แคร่ไม้ไผ่ขนาดสองคูณสองเมตรครึ่ง ทอดตัวอยู่ตรงกลางเสาไม้หน้าสาม น่านั่ง-นอน

เรา มีป้านอง พี่มณฑา เมีย และผม ใช้เป็นที่นั่งเล่น นอนเล่น พูดคุย กินข้าว...

ข้างเถียงนั้น ป้าซื้อเฟื่องฟ้ามาตั้งหนึ่งกระถาง ส่วนใหญ่ป้าล่ะ เป็นคนรดน้ำ ดูแล

เธอเติบโตตามกาลเวลา จนวันหนึ่งก็เลื้อยขึ้นบนหลังคาเถียง แตกต่อก้านแผ่ใบให้ดอก 
พอบาน กลายเป็นพวงระย้าสีชมพูดูช่างน่าชมยิ่งนัก

วันหยุด ผมมักมานั่งเล่น และเฝ้ามองพวงระย้าที่ห้อยลงมาตรงมุมชายคาเถียง

เหมือนเธอทักทายผม  เหมือนผมได้พบเพื่อนเก่า  เราสบตากันและก้าวออกเดินทางไกล
ไปสู่แผ่นดินที่แสนคุ้นเคย  ที่ไหนสักแห่งซึ่งแสนรื่นรมย์

|คีต์ คิมหันต์|
อัง  20 ตุลา  2563

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ผู้เขียนคำนิยม

สายลมของวันพฤหัสฯ
โลกสีดอกเข็ม
ใครกี่คนนิ่งคำนับ
คารวะเท้าทั้งคู่

เธอแน่วเด่น
เหนือแนวหญ้า
อวดรูปลักษณ์ง่ายงาม

ภาษาของแสง
ถ่ายทอดสาระของมิตร
ชั่วขณะนิรันดร์
"ไร้สรรพคุณ"

ตลอดวันแสนยาว
เธอเขียนคำนิยม
ตัวบรรจงเต็มบรรทัด
สำหรับฟ้าดิน
และสายลมแสงแดด

รอค่ำคืนของดาวฟ้า

| คำแต้ม โดย ทางหอม |
-31 ต.ค. 2556-


|เล่าตามคำแต้ม|
ตอน ชายนักถาม

บรรดาชายในเมืองของเรา น้อยคนนักจะยอมให้ชาวเมืองลืมชื่อและคุณสมบัติของตน หรือพูดอีกอย่าง ความนิยมของชาวเมือง คือส่วนสำคัญของจิตวิญญาณทำให้ชายในเมืองนี้มีชีวิตชีวา พวกเขาจึงจะมีกะจิตกะใจออกไปทำการงาน หาเลี้ยงครอบครัว และพัฒนาบ้านเมืองในวันต่อไปได้ จึงเป็นที่มาของกิจกรรมยามเย็นก่อนกลับบ้าน ที่ร้านดื่มนิยม ร้านเครื่องดื่มตรงมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ของลานจตุรัสใจกลางเมืองหอม ร้านที่ทุกคนมารับการยืนยันชื่อและสกุล พร้อมการันตีคุณสมบัติ จากคณะนักโฆษณาแห่งเมืองประจำร้าน ที่ทำการแสดงวาทกรรมอำพรางต่างหมอลำหมู่และวงดนตรี

บ่ายสี่โมงเย็นวันนี้ แปลกไป เมื่อประหยัด หนุ่มใหญ่โสดและแพงยิ้ม ก็มาที่ร้านดื่มนิยมกับเขาด้วย "รับไวน์ผลไม้แห่งเมือง หรือ เหล้า เบียร์ หรือกาแฟ หรือชาใบมอน ดีนออ้าย" พนักงานสาวน้อยฮูปห่างคีงคือนางอัปสรปราสาทวัดพูจำปาสักยิ้มให้แขกหน้าใหม่ เป็นครั้งแรกที่เธอเจอหนุ่มใหญ่มาดนิ่งแบบนี้ "ไวน์กะดีเดอ" เขาหันไปสบตาเธอ

ประหยัด ถูกชาวเมืองหลงลืมชื่อและคุณสมบัติตั้งแต่เรียนจบ ป.6 เขาปลีกวิเวก เข้าไปในป่าสงวนประจำเมือง  ง่วนอยู่กับการเกี่ยว ตาก เก็บ ไพหญ้าคา และรอคนเข้าไปรับซื้อไพหญ้ามาขายให้คนในเมือง แม้ไพหญ้าจะมีคนไพถึง 5 เจ้า แต่ก็มีเพียง 4 เจ้า ที่ทุกคนกล่าวขานชื่อด้วยความนิยมชมชอบอย่างชื่นชม ว่าผลงานพวกเขาเข้าขั้นเทพ ช่างเปี่ยมด้วยคุณภาพยิ่งนัก ส่วนประหยัด หามีใครรู้จักไม่ อาจเพราะพ่อค้าคนกลางนำไพหญ้าคุณภาพระดับเพชรของเขาไปรวมกับไพหญ้าของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง หรือคละปนไปกับทุกเจ้า ก็มิอาจรู้ได้ แล้วเขาก็ปิดป้ายขายเป็นไพหญ้ายี่ห้อของเจ้านั้นๆ

บรรยากาศในร้านดื่มนิยมเย็นนี้ ดูเงียบเหงาที่สุดในรอบ 7 ปี ไม่ใช่เพราะมีประหยัดมานั่งอยู่ดอก แต่เป็นเพราะประธานเมือง มีตารางงานจะมาที่จตุรัสแจ้งให้ชาวเมืองได้รับฟังแนวปฏิบัติร่วมกัน เกี่ยวกับการยกเลิกและห้ามมุงหลังคาด้วยไพหญ้าในเมืองเล็กๆ นี้ อีกต่อไป

ชายที่ไม่มีชื่อ ไม่เป็นที่นิยมในคุณลักษณะพิเศษ นั่งเงียบๆ ตรงม้านั่งปีกไม้ยางนา ใต้ร่มตากบมุมร้าน จิบไวน์บักผีผ่วนในขวดแก้วขนาดจิ๋ว ดวงตานิ่งแน่ว คำถามแสนล้านที่เก็บงำบ่มร่ำจนได้ที่ปานไวน์พันปี เป็นประกายฉายโชนไปยังที่ประชุมของกลุ่มคนมากชื่อเสียงนิยมตรงนั้น ปานจะเผาเสียให้มอดไหม้เป็นผงถ่าน ราวตั๊กแตนอีแม่แจ้ปีกลายเขียวแกมเทาน้ำตาลหม่นตกไปในดงไฟฟางกองสูงเทียมต้นมะพร้าวตรงเถียงนาที่ไหนสักแห่ง.

|คีต์ คิมหันต์|
ส. 24.10.2563

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ฮั่ว

ปานว่า
สิกั้นกางสองข้าง
ให้ห่างให้หาย
ให้เป็นอื่น
ให้ฮักเป็นฮ่าย
ให้ในเป็นนอก
ให้สุดขาดบั้นบ่อนแพง
ให้เหลือใจเหลือหมก

ปางนั่น
กลัวเกรงย่าน
อันตรายภายนอก
การทำร้ายที่อาจเผลอป้องกันด้วยตา
ที่อาจไร้เวลาดูแล

เหมือนฝากทุ่งข้าวไว้กับลมฝน
อาจวางใจ
อาจไร้พิษ

วันหนึ่งไหน
ฮั่วหาย
รั้วถูกทำลาย
กลัวสิ่งใดเพิ่ม
กี่เท่าทวีพาล

| คำแต้ม โดย ทางหอม |
ส.17.10.2563



วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ขัว

ตอนเด็ก
มิรู้จักขัว
แต่สะพานในหนังสือเรียน
เห็นเป็นสิ่งก่อสร้าง
ทำจากปูนสีขาว

ตอนหนุ่มน้อย
พ่อบอก "นั่นขัวไม้"
ดูแล้ว ไม้ต้นใหญ่พาดข้ามลำห้วย
เราใช้ไต่ไปมา
ในฤดูทำนา

ตอนโต
ขัวหดตัว หายตัว
สะพานขยายตน พองตน

ตอนเป็นผู้ใหญ่
ขัวหวนกลายเป็นเพื่อนสนิท
ปลอบโยน และยิ้มให้
สะพานกลายเป็นสัตว์ประหลาด
พาดให้ข้ามมาไกลห่าง...

ทางหอม 
ศ.16.10.2563

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ซอด

เขายืนคันแท
แลท่งข้าวถอก

บางช่อตูมตั้ง
บางช่อพวมซอด
บางช่อซอดทั้งช่อ
บางช่อซอดหลายมื้อแล้ว

สายลมฝนต้นตุลา
โปรยฉ่ำที่ตูมตั้ง
ที่ซอดทั้งหลาย

บางเช้าใหม่ๆ
ฮักหอมหัวลมอว่ายอ่วย
โชยหนาวบางๆ นิ่มนวล

เขาอ้าเอิ้นโอ่ลำ...
กลายเป็นหนึ่งช่อข้าวถอก
ซอดในบ้านในเฮือนดงดอกข้าวใหม่
เล่นล้อหางลมฝนปนหัวลมหนาว

เริงร่ายส่ายไหวไกวแกว่งโลกหล้า
ผ่าเผยๆ

ทางหอม | ซอด
อัง.13.10.2563

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ถอก

ถึงขั้นนี้แล้ว
มิอาจเอ่ยคำสินะ
คล้ายความจริงกลายเป็นซากความเท็จ
ถึงขั้นจนได้

เส้นแบ่ง ที่หมายกับการเดินทาง
ระยะมือคว้า
ดั่งฝันกลางวัน
ระยะหายใจรดแก้มใสต่อริมฝีปากขณะแย้ม

เอ่ยสักถ้อยก็ได้
บอกสักวลีเถิด  หากสะกดไม่อยู่
หรือแค่โพสต์สักภาพนิ่ง
สักวรรคคอมเมนต์
หรือสักคำน้อยๆ บ่งรักเบาๆ

ข้าวเม่าอยู่ข้างหน้า
ข้าวเปลือกคำคอยเปล่งประกาย
ข้าวสุกในหวดหอมไม่ห่าง

ข้าว ผลของขีดขั้นและเส้นแบ่ง
เริ่มจากกล้า
ดินแดดลมฝนต่อเติมแต่งกอ
ทอ ดอก-ถอก ทักทาย...


ทางหอม | อา.11.10.2563

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...