แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กวี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กวี แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

คุยคนเดียว

บ้าไปแล้ว
ตายไปแล้ว
สิ้นไปแล้ว
ละลาย
หายวับ
รู้สึกถึงความชาเย็นเฉียบ

โอความรัก

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2565

วันฟ้าครึ้ม

ถามใจดวงเก่า
ตอบแบบใจดวงใหม่มี
ฟ้าวันเดินทาง...
ครึ้มด้วยเมฆฝน
ครึ้มด้วยอารมณ์เมฆฝัน
ไกลสงคราม
เดินทางตามแผนที่รัก
แวะพักถิ่นที่ห่วงใย
เยี่ยมยามบ้านเมืองยิ้มใส
สนทนากับมุมร้านจิบกาแฟเข้าใจประทับทรวง
ทุกข์ยากไร้ล้างออกจากเมมโมรีความคิดสิ้น
ขัดข้องขุ่นเคืองยกเลิกทิ้งไปพร้อมกับการ์ดทรงจำชำรุดอีกอัน
ครึ้มมาอีกแล้ว
ฝนรินร่ำคำฅนธรรมดา
คำธรรมดาของแม่ค้าสลากเสี่ยงโชคริมฝั่งของแถวนครพนมหน้ารูปปั้นพญานาคศักดิ์สิทธ์
คำเดิมดาของแม่ค้าพ่อค้าริมของแถวเมืองมุกดาหารกี่ยวแก่การปรับปรุงตลาดใต้ดินฮิมฝั่งที่ยืดเยื้อเกินคาดการณ์วันเปิดใช้
ครึ้มมาเถิดเมฆฝัน
ฝนเอยจงรักกลายร่างเป็นเธอผู่แผ่ไออุ่นคีงบาง
เดินทางมารับขวัญคนจรในเขาวงกตล้านดวงมาลางามละมุนซึ้งซ่าน
เดินทางมาปลุกนกเพลงวัยเยาว์เสียงสุดเสน่หา
เดินทางมาเปิดซ่อมใช้หน้าต่างบานหนุ่มสาว
สวรรค์แท้จริงเดินคู่เคียงกันมาคล้ายแมวกับเงาบนกำแพงจินตนาการ
พลังงานจากกาแฟนมกลมกล่อมชุบชูก้าวค้นหา
เดินทางต่อไปสิ
ระหว่างทางมีขวากหนามเป็นด่านทดสอบ
เดินทางต่อไปเถิด
แม้ก้าวแรกจักได้บาดแผลเลือดซิบ ๆ 
ครึ้มมา ครึ้มมา
ฝากฝนมา ฝากฝันทยอยมา
ตอบใจดวงเดิมดา
ด้วยคำถามจากใจดวงดิจิตอลปรารถนา.

|ทางหอม
อา.7.8.2022/2565

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ฝนตกในใจ

ฝนตกในใจ
คำแต้มของ ทางหอม
----

ไม่ได้รดน้ำสวนน้อยหลายวัน
ดินยังชื้น
ใบไม้ยังเขียวงาม
ลดเวลาทำภารกิจยามเช้า
แต่พื้นแฉะ
ขึ้นรถนอกบ้านจะเปียก
ต้องเตรียมร่มไปทำงานด้วย
ต้องหาที่จอดรถในร่ม
จานชามล้างไว้ในชั้นต้องเก็บเข้าร่ม
เสื้อผ้าตากในร่ม
หากาละมังรองน้ำจากท่อรางน้ำจากชายคา
ก่อนออกจากบ้าน ก่อนนอนตรวจตรา
ต้องไม่ลืมปิดหน้าต่าง
ฝนสาดเข้าบ้านจะมีงานบ้านเพิ่ม
ฝนสาดพื้นบ้านจะชื้นจะลื่นล้ม พื้นบ้านจะบวมจะผุเร็ว

ฝนตกหลายวัน
ชีวิตตื่นหลายชั้น
ฝนตกภายนอกให้ชีวิตมีรายละเอียดเพิ่มทุกวัน
ส่วนฝนตกภายในทุกเมื่อให้สิ่งใดใสฉ่ำบ้างหนอ
---

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

กลอนลำกำพร้า : คือลมฝนผ่านต้อง

บาดแผล (ทวนมุมมองของคนรักกัน)

 บาดแผล (ทวนมุมมองของคนรักกัน)

คำแต้มของ ธีรยุทธ บุษบงค์

(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน กรุงเทพธุรกิจ-จุดประกายวรรณกรรม  ๒๕๔๕)

 

เส้นลวดขึงไว้ตากผ้า

หายเข้าไปในเนื้อมะม่วงวัยสาว

อย่างจำนน

กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ฝ่ายหนึ่งเคยโอบกอดรัด

ฝ่ายหนึ่งคอยฮึดฮัดคร่ำครวญ

ล่วงมาหลายปี

ฝ่ายหนึ่งกลับครอบงำ

ฝ่ายแรกจำทนอยู่อย่างหมดทางดิ้นรน

ผู้สร้างบาดแผลกลับได้บาดแผลเสียเอง

รอพายุฤดูร้อนแยกทั้งสองออกจากกัน

การพลัดพรากรอฝากแผลใหม่เป็นกำนัลฯ






 

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

กลิ่นที่ไม่เคยเป็นอื่น

กลิ่นที่ไม่เคยเป็นอื่น

คำแต้มของ ธีรยุทธ บุษบงค์

(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน สยามรัฐรายวัน-ชาวกรุง ๒๕๔๔)

 

เธอรู้ตัวบ้างไหม

มันไม่เคยจางหายไปจากชีวิต

ข้างในนั้น

กลิ่นสายน้ำห้วยครกที่เอื่อยไหลลงสู่ลำแม่มูล

ติดตัวเธอไป

ในรถโดยสารสู่เมืองใหญ่

ในรถไฟสู่กรุงลุ่มลำเจ้าพระยา

กลิ่นหญ้าฟางข้างเถียงนาใต้ร่มหว้าชรา

ติดตัวเธอไป

ในตึกเรียนปริญญา

ในห้างสรรพสินค้า   ร้านมิยอมหลับ

กลิ่นดอกไม้หอมของทุ่งรักหลังฤดูเก็บเกี่ยว

จะยังติดตัวเธอไป

ในห้องแอร์สำนักงาน

ในห้องคาราโอเกะ  คลับบาร์

ตัวเลขอายุเพิ่มสู่หลักสองหลักซาว

เธออาจลืมไปว่ามันยังคงอยู่

กลิ่นผ้าไหมแม่ที่เพิ่งตัดจากหูกทอใหม่ใหม่

กลิ่นจอบเปื้อนเหงื่อพ่อที่เพิ่งว่างจากมือดำด้าน

กลิ่นแกงปลาช่อนหนองไผ่ใส่ดอกและหัวหอม

กลิ่นผักกะแยง   มดแดงเปรี้ยว

กลิ่นปลาร้า   ส้มตำ  เมี่ยงลำข่า

.............................

.............................

โอ...กลิ่นพี่น้องเชื้อแถว

กลิ่นที่ไม่เคยเป็นอื่น

จะยังติดตัวเธอไป

ไม่มีวันจางหาย.




วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

นักรบไก่หญ้า

นักรบไก่หญ้า

คำแต้มของ  ธีรยุทธ บุษบงค์
(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน ลมผลัดขน คนลอกคราบ ๒๕๕๗)


        จุดคบความคิดคุ้นเอื้อ                    ส่องไม่รู้เบื่อ
กลางนาผ่องข้าวพราวรวง
        พิศภาพพี่น้องอิ่มทรวง                    ไฟฝันโชติช่วง
ส่องทางพร่างพื้นตื่นพร้อม
        หญ้าแพรกแปลกปลายปมป้อม      เสาะสรรดีพร้อม
ชักชวนเล่นตีไก่หญ้า
        ท่ามทุ่งสีทองทาบทา                       แผ่นดินปู่ตา
พื้นบ้านย่ายายลำเนา
        เปลี่ยนตีเปลี่ยนตี ใหม่-เก่า              เปลี่ยนโลกใบเหงา
เป็นโลกดอกฝันเพิ่มพูน
        บานหอมไม่ยอมเสื่อมสูญ                บริสุทธิ์บริบูรณ์
บ่มเพาะหน่อพันธุ์บำเพ็ญ
        แลกเปลี่ยนเรียนรู้อยู่เย็น                  หมดมือค่อยเฟ้น
ที่แกล้วยืนหยัดประลอง
        ที่แพ้แน่แน่วแคล่วคล่อง                   ค้นหาสำรอง
หวังกลับแก้มือประชัน
        รื่นร่มไม้นาบ่ายนั้น                            เมื่อยล้าโรมรัน
สองน้อยพี่น้องหลับพริ้ม
        กอดทหารไก่หญ้าอมยิ้ม                   ฉายแววเอมอิ่ม
ฟ่อนฟางต่างหมอนช้อนฝัน.




ใบซ่อนดอก

ใบซ่อนดอก

คำแต้มของ  ธีรยุทธ บุษบงค์

(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์  ๒๕๔๕)




ใบไม้เหมือนเสื้อผ้า

ปิดซ่อนบางสิ่ง

เปิดเผยบางส่วน

 

ดอกไม้แต่งต้นสง่า

ซุกใต้ใบไม้

ปรุงกลิ่นหอมพื้นถิ่น

ถนอมนวลกลีบงามแห่งเผ่าพันธุ์

 

ลมพัดอ่อนโยน

ใบไม้พลิกไหว

ดอกไม้หลบหน้า

เขินอาย

 

ดวงตะวันฤดูหนาว

ส่องแสงทาบทา

ทั่วท้องทุ่งตะวันออกเฉียงเหนือ

วันใหม่ของโลกเก่า

มอบความอบอุ่นแผ่เผื่อ

 

ลมพัดกระหายหิว

ฉีกตัดใบไม้ ปลิดปลิว

แสงเช้าถูกเมฆหมอกกักกั้น

วันเก่าของโลกใหม่

ดอกไม้ไร้ที่ซุก.













วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เคราะห์รักพันปี

เคราะห์รักพันปี
คำแต้มของ  ธีรยุทธ บุษบงค์
(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ๒๕๔๔)


    ถึงเป็นเคราะห์ยังคงดำรงมั่น 
หลักประกันขวัญมิ่งด้วยสิ่งไหน
ฝีมือดีเด่นเป็นเช่นไร 
รางวัลกวียังอีกไกล อาจเกินคว้า
ไม่มีใครบังคับ ยอมรับอยู่ 
เห็นครูร้อยคำปรารถนา
เห็นพี่เรียงถ้อยวันเวลา 
เป็นช่อทิพย์ผกา พิรุณพราว
หอมเหลือคำหอมจากอ้อมอก 
ฉ่ำซ่านธารน้ำตกจากห้วงหาว
มือนางฟ้าประคองฝันปันเดือนดาว 
มาปลุกคราวลำเค็ญเป็นกำลัง
หลอมชีวิตคิดเขียนเปลี่ยนอักษร 
เป็นวรรคบทกาพย์กลอนสะท้อนหวัง
สังคมนี้มีแง่มุมน่ารักชัง 
มีความหลังความลึกให้ขุดค้น
อยากเผยความลับจากหับห้อง 
อันเกี่ยวดองด้วยความเชื่อเจือสับสน
เป็นขยะหรือไม่ เคยกังวล 
แต่เหตุผลความรักหนักพอตัว
เขียนความจริงอิงความรัก 
ไม่หาญหักน้ำใจสิ่งเหนือหัว
ด้วยเชื่อมั่นกฎแห่งกรรมสำนึกกลัว 
ดีชั่วคนเห็นเป็นพยาน
เหมือนตกห้วงเคราะห์รัก 
แม้ตระหนักตกต่ำทุกสถาน
บทกลอนประเทศนี้ไม่เบิกบาน 
คนอ่านคนเขียนคนเดียวกัน
จะร่ำไรไยหรือ ให้ยื้อยุด 
รวยที่สุดเขาเล่นหุ้น เล่นเงินผัน
เล่นอักษรสื่อมนุษย์สุดสามัญ 
ไม่อาจกลั่นหมึกหมองเป็นทองคำ
ยอมรับเคราะห์ต่อไปไม่กลัวแพ้ 
กลัวก็แต่คนใกล้กันหันเหยียบย่ำ
อีกพันปีอาจดุ่มด้นไม่พ้นกรรม 
เคราะห์กวีนิพนธ์กระหน่ำยิ้มจำนนฯ

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

27 ปี กับชีวิตคล้ายหุ่นไล่กา

 

27 ปี กับ แต่ละขวบปี หรือ ครบรอบปี รอบนี้ จริง ๆ คิดอะไรอยู่

เรื่อง : ทางหอม
ภาพประกอบ : บ่าวทิ Baawthi



บ่อยากเว่าหลาย แต่ก็อดเล่าไม่ได้

เขาคนหนึ่งทำงาน
รับเงินเดือนมา 27 ปีเต็ม วันนี้
หลายเรื่องราว หลากรสชาติ
แต่เหมือนพายเรือในอ่าง

เข้ากันดีกับสำนวนของผู้เฒ่า
ลาวฝั่งขวาแม่น้ำของที่เขาเคยสดับ  

"หักไม้หมิ่นบักเขีย 
พายเฮียน้ำเข้าหม่า"

อันหมายถึงคนยุคปลายพุทธกาล
คือ 2500 ปีเป็นต้นมา และต่อ ๆ ไป
ที่จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
ทำเรื่องสวยงามมีคุณค่ามากให้เป็นเรื่องน่ารังเกียจน่ารำคาญใจ

มองอีกมุม
คนยุคเราและยุคต่อ ๆ ไป
ความคิดหลักจักถูกย้ายที่
จากคิดให้ตนและสังคมได้ประโยชน์
ได้พบพานความสงบสุข
กลับจะคิด
ให้ระบบที่ไร้ชีวิต
ให้กฎเกณฑ์ที่สร้างภายหลังเลือดเนื้อเชื้อไข
ด้วยแรงขับและเงื่อนไขผลประโยชน์
แห่งความโลภความโกรธความหลง
พลิกให้เรื่องราวสามัญแสนใสสะอาด
กลายเป็นเรื่องราวอันชวนสงสัย
ในรอยเปื้อนกระด่างกระดำอำพราง
เพียงเพื่อให้ตัวตนอำนาจผลประโยชน์
ในหมู่ตนของตน ๆ ที่มีเพียงกะจิริด
ในองคายพของสังคมใหญ่
ได้ยืดอายุยืนยาวออกไปชั่วกาลนาน
คุมครอบคนทั้งหลาย
ให้ศิโรราบกราบกราน
ราวหุ่นยนต์โปรแกรมสำเร็จรูป
ในยุคโบราณไกลโพ้น


ทบทวนชีวิตในรอบ 27 ปี
แห่งการงานในระบบระบอบ
เขาลงแรงงานเก็บกำขี้ลังเงีย
เพื่ออันใดกันเล่าหนา
เพื่อส่งเมือถวายหุ่นโมเดลสังเคราะห์
ตามลำดับสายชั้น
อันดูเหมือนจะไกลกันคนละโลก
กับการงานแห่งเกียรติยศมนุษย์
เพื่อดูแลช่วยเหลืออุ้มชูพี่น้อง
ผู้เสียหยาดเหงื่อทุกหยาด
ส่งเซ่นเป็นเสบียงคลัง
เลี้ยงดูเขาและคนอื่น ๆ 
ทุกเมื่อเชื่อวัน...

หากการหยัดยืนบนผืนนาอุดม
ด้วยการปล้นปุ๋ยจากที่นาแปลงอื่นมา
เป็นความเลวร้ายน่ารังเกียจ
การงานที่มุ่งสนองคำสั่งหวังกวาดต้อนรีดไถ
ก็เป็นความเลวร้ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันดอก

อันการลงมือลงแรงใด ๆ
ตามสายพานงานคำสั่งใด ๆ
เพียงเพื่อใครบางใคร ๆ
เพียงเพื่อผลประโยชน์บางใคร ๆ
ย่อมเข้าข่ายการงานอันโสมม!

เขาในสภาพคล้ายหุ่นไล่กา
โพกผ้าตาหม่อง
กลางทุ่งนาสีเทาอดทรายแดงแห้งกรัง
จึงควรหาหนทางเลี่ยงเสีย
จึงสมควรหาทางแก้ไขเสีย
และหากถึงที่สุด
จึงถึงกาลละลาพาจากไกลเสีย.











ยามยอมย้ายที่ ยามนี้ไม่มีใครหลีกเว้น

ใครบ้างเล่า
ติดที่ติดทางติดร่างติดเรือน

หากยังอยู่ดี
หากยังมีแรง
หากยังยิ้มสวย
หากยังหัวเราะใส
หากยังสนทนาละไม
หากยังพอแบ่งปันน้อยใหญ่
หากยังไปมาว่องไว
หากยังเป็นที่พึ่งที่หวังได้
หากยังกินอิ่มนอนอุ่นตื่นเช้าใหม่ ๆ
หากยังเดินทางได้ใกล้ไกล
กลับมาดึกดื่นยังตื่นเช้าไหว
หากยังไม่ต้องใช้ใครพยุงยามย่างย้าย
หากยังไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ นาน ๆ
หากยังไม่นอนติดเตียงจนเกินรำคาญ
หากยังไม่หูดับตาดับ
ใครบ้างเล่าจะยอมย้ายที่
ใครบ้างเล่าจะยอมย้ายร่าง!

-----
ทางหอม
23.07.2565/2022
ฌาปนสถานวัดบ้านเหล่าโป่ ต.ทุ่งมน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
งานคุณพ่อสัมฤทธิ์ สีหนารถ








วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564

หวนรู้


ลมต้องใบยางมีเสียง
คุณเข้าวัดป่าโดยบังเอิญ
เดินมาหยุดนิ่งสดับ
เหมือนเพลงคลาสสิคมหากาพย์แห่งมหากวี
ทยอยบรรเลงเป็นระลอกคลื่น
แผ่วเบาบางขณะ
โหมกระพือกระหน่ำแทรกเป็นระยะ
แล้วค่อยๆ เบาลงๆ
แผ่วผิวกระซิบ
ผสานแสงลอดช่องหลังคาใบซ้อนสลับ
คุณอยากกล่าวคำสดุดี
หากว่า อึดอยากคำกล่าวได้เหมาะสม
คุณจึงหลับตาลง
นิ่งฟัง
นานแสนนาน
จนดอกไม้ผลิบานเต็มลานดินทรายหมาดฝน
เหมือนในเทพนิยายเรื่องหนึ่ง

พระทยอยเก็บบาตรกลับกุฏิ
เสียงไอ แทรกเสียงลมมา
ศาลาโรงฉันเปล่าไร้
หมาแม่ลูกอ่อนให้นมลูกอยู่ใกล้ชายคา
แม่ออกทยอยกลับเฮือน
พ่อออกนั่งสนทนากันที่แคร่นอกโรงครัว

คุณหยิบมือถือมา
หมายจะถ่ายคลิปลมพัดใบไม้
ฉับพลันก็ส่งกลับสู่ก้นย่ามฝ้าฝ้ายต่ำมือของแม่

นิ่งฟังคีตกวีสายลมพรมเล่นใบยางอยู่ครึกครื้น
ตั้งใจจะบรรจงบันทึกลงห้องใจให้เต็มตื่น
อนิจจา
มารผจญ
เสียงเพลงจากหอกระจายข่าวหมู่บ้านดังแทรกสอด
ประกาศข่าวทางการ
ระวังภัยโควิด-19
ให้ปฏิบัติตามรัฐสั่ง
ขณะนั้น สายลมนิ่งหยั่งเชิง
บ่ทันที่ผู้ใหญ่บ้านจะจบสาร
มันก็โถมแรงพัดกระพือกระหน่ำ
หูคุณอื้ออึงดิ่งดับสับสน
ป่ายางนาลานวัดหมุนติ้ว
ดูดกลืนตัวคุณเข้าไป
หายวับไร้ที่หมาย
หมาแม่ลูกอ่อนเงยคอจ้อง
เห็นใบยางนาใกล้แก่หล่นลงพื้นดินทรายใบหนึ่ง.

•ทางหอม
จ.09.08.2021/2564

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564

คำแพงคน

เหมือนลมหนาว
กับป่าข้าวกำลังอวดรวงทองคำ
ลมหนาวพัดรวง
รวงล้อรับขยับยิ้ม

คำพูด
มีราคา
แพงค่ากว่ารวงทอง

รักษาคนพูด
ดูแลคนเขียน

---
ทางหอม
22.01.2564

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2563

⊙ยิน

หัวใจข้าเหว่ว้า
ขณะยินข่าวโชคร้ายของคนอาภัพ

หัวใจข้าอ้างว้าง
ขณะยินข่าวยากไร้ของคนทุกข์จน

หัวใจข้าเปล่าเปลี่ยว
ขณะยินข่าวเศร้าสลดของคนหมองหม่น

หัวใจข้าเหงาซึ้ง
ขณะยินข่าวรันทดของคนท้อท้น

ข้าถูกลักพาหัวใจไปขังลืมแล้ว
ขณะยินข่าวประเสริฐของคนดีศรีนิยม

ทางหอม
เช้า13.10.2019


วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

อย่ารักกวีเลย


อย่ารักกวีเลย
พวกเขาแค่ทวงความยุติธรรม
ในโลกสมมติผ่านถ้อยคำละมุน

จงรักแผ่นหลังอาบเหงื่อ
และดวงตาแววหวังของเขา
ขณะขุดดินป้านคันแทอยู่ท่งนาหนองหว้า

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...