วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ฅนมีคำแต่งแต้ม เหมือนและต่างกันไป iSi คำแต้มฅน


สบายดีครับ พบกับผม บุนทอน ดอนหอม

พบกันในรายการใหม่ "คำแต้มฅน"  
เป็นรายการที่จะนำเสนอมุมมองของผม บุญทอน 
ต่อคำพูดที่ได้ยินได้ฟังมา 
เพื่อสะท้อนความรู้สึกและความคิดอ่าน 
ว่าคำนี้ ความหมายอย่างนี้
เขามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมอย่างไรบ้าง
เขามีฤทธิ์ต่อความคิดอ่านของผมในทางใด
และเขาจะส่งผลต่อการกระทำของเช่นไรหนอ

ตามที่รู้ ๆ กัน 
คำเป็นหน่วยทางภาษาเล็กที่สุด
ที่มีความหมายในการสื่อสารกันของคนเรา

ส่วนหน่วยทางภาษาที่เล็กสุดจริง ๆ 
แต่ยังไม่มีความหมายใด ๆ 
คือหน่วยเสียง ประกอบด้วยหน่วยย่อย 3 หน่วยคือ
หน่วยเสียงพยัญชนะ 
หน่วยเสียงสระ 
และหน่วยเสียงวรรณยุกต์

เมื่อหน่วยเสียงรวมกันเข้า 
ถูกเปล่งออกจากปากคนเรา 1 ครั้ง 
เรียกว่า หน่วยพยางค์

พยางค์บางพยางค์ก็เป็นคำด้วย
เพราะเปล่งออกมาแล้วมีความหมาย
ในการสื่อสารของคนเรา
ถือเป็นคำพยางค์เดียว
อันมีอยู่จำนวนมากในภาษาตระกูลไต
ในกลุ่มภาษาคำโดดอย่าง ลาว ไทย จีน...

คำมีทั้งคำพยางค์เดียว
คำสองพยางค์ คำสามพยางค์ และหลายพยางค์กว่า
รูปร่างหน้าตาเมืองใช้อักษรแทนภาษาพูด
จึงมีแตกต่างกันไปตามการประสมคำ
ตามที่มาของคำ

ที่มาของคำไทยมาจาก
1.คำไทยแท้ ก็เขียนสะกดตามตัว
2.คำไทยยืมจากบาลี-สันสกฤต 
ก็เขียนตามหลักตัวสะกดตัวตาม
ซึ่งอาจมีตัวอักษรเพิ่มจากที่ออกเสียง
มีตัวสะกดตัวตามตัวการันต์
3.คำไทยยืมจากภาษาเขมรโบราณ
ก็มีทั้งคำที่ใช้ รร (ร หัน) มีทั้งคำเต็มและกร่อนเสียง 
4.คำไทยยืมจากภาษาจีน อังกฤษ และอื่น ๆ
ก็มีวิธีออกเสียงและการเขียนเป็นตัวอักษรไทย
ที่หลากหลายไปตามภาษาเดิมนั้น ๆ

ถ้าวางภาษาเสียงไว้
หันมาใส่ใจภาษาอักษร
แล้วจะพบว่า
รูปร่างหน้าตาของคำนั้น
ย่อมเป็นไปตามการประสมคำว่ามีกี่ส่วน

3 ส่วนธรรมดา มีเสียง/รูปพยัญชนะต้น + สระ + วรรณยุกต์
4 ส่วนธรรมดา มีเสียง/รูปพยัญชนะต้น + สระ + วรรณยุกต์ + พยัญชนะตัวสะกด
และยังมีการประสมอักษรของคำ 5 ส่วนขึ้นไปอีก มีตัวตาม ตัวตัวการันต์...

คำแต่ละคำจึงออกเสียงต่างกันไป
จึงเขียนเป็นตัวอักษรแตกต่างกันไป
แต่ก็มีอยู่บ้างบางคำ
ที่ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกัน
ที่เขียนต่างกันแต่ออกเสียงเหมือนกัน

เมื่อพิจารณารูปอักษรของคำ และความหมายของคำนั้น 
คนเราเรียนรู้การออกเสียงคำและการเขียนคำได้เหมือน ๆ กัน
แต่เรื่องความหมายที่มากกว่าความหมายตามพจนานุกรมนั้น
คนเราอาจรับรู้ได้แตกต่างกันไป
ตามการสั่งสมไว้ด้วย 
การฟังเพลง ฟังผู้รู้ ฟังธรรมะ ฟังเรื่องราวหลากหลาย...
การอ่าน ซึมซับจากนิทาน เรื่องสั้น นิยาย นวนิยาย บทกวี วรรณกรร วรรณคดี...
การใช้พูด เขียนในวาระ โอกาส และรวมถึงในจินตนาการของตน ๆ

ความหมายของถ้อยคำ
ที่คนเรามีและถ่ายทอดออกไป
เพื่อสื่อสารกันนั้น 
จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น
และหรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ด้วย
ขึ้นอยู่กับว่าผู้ส่งสารและผู้รับสาร
มีฐานความลึกซึ้งหรือมิติของความหมายของคำ
ใกล้เคียงกันหรือแตกต่างกันมากเกินไป

ความหมายของคำในตัวเราแต่ละคน
ที่มีไม่เท่ากันนี่แหละนี่ล่ะ
ที่ทำให้คนเราเกิดความรู้สึก ความคิดอ่าน
ที่แตกต่างกันออกไป

คำอาจนำความสุขและความทุกข์มาสู่ผู้ใช้ 
ก็ด้วยมันมีความหมายต่อใจแตกต่างกันไป
ยิ่งหากเราเผลอลืมไปว่า 
คำ ก็แค่ตัวแทนส่วนหนึ่งของความคิดอ่าน
ที่คนเราต่างต้องการสื่อสารกันในความหมายที่ตนมี
ที่ตนต้องการบอก ต้องการสื่อสาร 
ก็เท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม
หากมองในแง่คนเราคือพื้นที่ทางศิลปะ
คำ ๆ หนึ่ง ทั้งรูปเสียง รูปลักษณ์อักษร 
และความหมายของมันที่เราหมายเอา ถือเอา
ก็อาจเปรียบเหมือนสีสัน
ที่จักแต่ง จักแต้มจิตใจคนเรา
ให้มีสีสันอย่างนั้น ๆ ตามมันไป

นี่คือสิ่งที่ รายการ "คำแต้มฅน"
อยากจะมาสื่อสาร
โดยยกคำ ๆ หนึ่ง มาคุยกัน ในแต่ละครั้ง ๆ ไป

เพื่อย้ำเตือนความเหมือน ความต่างของความหมายของคำ
ที่คนเรามีเหมือนต่างกันได้เป็นธรรมดา
และเพื่อย้ำเตือนว่า คนเรามีอิสระพอนะ
ที่จะไม่คกเป็นทาสความหมายของมัน

"คำใช้ฅนเป็นพื้นที่แต้มสีสันตามความหมายของมันได้ 
ฅนเราก็สามารถใช้คำเพื่อเพิ่มสีสันชีวิต
ให้โลกนี้สดสวยใสกระจ่างได้ด้วยเช่นกัน"

แล้วพบกับ "คำแต้มฅน" ครั้งไปครับ สวัสดี.











ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...