กกส้มแบงจริง
เกิดเป็นหมู่
ยืนต้นเป็นกลุ่มก้อน
เหลือค้างเป็นสายยายห่าง
ในป่า ข้างทาง กลางท่ง ในโรงเรียน ในวัด ในอำเภอ...
มื้อสิตาย
อาจตายเดี่ยวเดียวดาย
ทีละต้น ๆ
กกแก่นกลายเป็นแป้นเป็นฝาเป็นตงเป็นคานเป็นเสาต่อ
กิ่งก้านกลายเป็นถ่านในเฮียนไฟ
ความจริงแล้ว
คันบ่สู้บ่บืน
คงตายเป็นผีเบี้ยหน่อน้อย
คงบ่มีตัวตนให้คนเห็นฮูปห่างเรือนฮ่ม
พร้อมดอกดาวพราวพร้อย
รวมถึงหมากปิ่นแดงเต็มทืด ว่อนปลิวตามแรงลมไปทุกทิศทาง
ตายตอนเป็นต้นหนุ่มสาว
ไยจะบ่มีสิทธิ์รำลึกท่งท่าป่าข้าวเคยคุ้น
เป็นหยังสิบ่มีสิทธิ์ให้นกหนูกากะปอมอาศัยซ่น
กกส้มแบงกลางท่ง
ยืนอยู่ได้ ตรงนี่ ตรงนั่น ทุกที่ทาง
ตายไปได้ ตายสูญลึกลับได้
แต่ในใจดวงหนึ่ง
จักยังยืนต้นงามสง่าอยู่เสมอ
บ่ต่างจากกยูงกกยางใดๆ
นานมาหลายกว่าสี่สิบห้าปี
และพรุ่งนี้
ตราบเท่าที่ดินลมแดดฝนยังมีลมหายใจ
เจ้าก็จะยืนต้นเป็นเสี่ยวสหาย
เป็นพยานการเปลี่ยนแปลง
เป็นตัวอย่างการยืนหยัดยืนยันบนแผ่นดินถิ่นเกิดก่อทอตนจนเติบใหญ่
กกไม้ทุกต้นมีชีวิต
คนทุกคนมีชีวิต
บ่แตกต่าง
ในความสำคัญของความเป็นจริง
เท่าเทียมทุกฤดูกาล
เสมอภาคทุกคืนวัน
เกลียดชังทุกสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลุกไหม้สังหารอย่างไร้เหตุผลกลกรรมธรรมชาติ
สาปแช่งทุกมือรถแบ็คโฮจกขุดเหยีบย่ำแบบบอดใบ้ในจิตสำนึก!
ทางหอม
6.10.2564
[รำลึก 45 ปี 6 ตุลา 2519]