วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

สู้ภัย

เสียงพระตีโปง
ดังปลุกใผ
ในวันคืนเก่าๆ นั่น

เสียงพระตีกลองเพล
ดังปลุกใผ
ในวันคืนสีดอกสะเลเต นั่น

เสียงพระตีกลองแลง
ดังพอปลุก
คนของคืนวันเก่าๆ บ่

เสียงพระตีกลองเดิ๊ก
ดังพอปลอบโยน
คนของคืนวันสีดอกขะยอมบาน บ่

ทางหอม | อา-sun.กุมภา-Feb.2564-2021

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ฝันดีมีจริง

หากความฝัน
เกิดจากการหลอมความจริง
กับความมุ่งหมาย
ให้เป็นหนึ่ง

หากความฝัน
คือตัวตนจากสองสิ่ง
ความรัก กับ ความปรารถนา
ที่กลั่นเป็นเนื้อเดียว

หากวันพรุ่งนี้
คือความฝันดังกล่าว
ทุกสิ่งที่จะปรากฏ
ย่อมสวยงาม

ใครเล่าดูหมิ่น
เมื่อทุกคนต่างยิ้ม
ปานพวงขะยอมบานหอม
แม้แสงเช้าใหม่ยังส่องต้องคารวะ

ทางหอม | เสาร์-sat. 6 กุมภา.Feb. 2564-2021

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

หนุ่มเศร้าสลัว

น้ำค้างค้างหยอดหญ้าไฉน
บ่ฮู่หยดหยาดดิน
ยามเช้าสลัว

คำคิดค้างใจคะนิง
บ่ฮู่หล่นพรั่งพราย
ยามหม่นมัว

ใบหน้าค้างคาฝันเมื่อคืน
บ่ฮู่ลบเลือน
ยามหมองเศร้า

โอ สัมผัสข้างในใน
แผ่วเบา บางไหววาด
ประหนึ่งจิตรกรไร้ร่าง
กวัดแกว่งพู่กัน
บนผืนฟ้าครามยามบ่ายๆ

ขณะหนุ่มใหญ่
เขี่ยหน้าจอดิจิตอล
ค้นหาวรรคทอง
ในคลิปสามนาทีของหนุ่มน้อย
บนยูทูบสัมพันธ์
ที่ฉากหลังเป็นเมืองบ้านอัตตะปือสถาน

ทางหอม | ศ.fri. 5 กุมภา.feb. 2564/2021

ภาพ : โลโก้ BaawThi เชิญเยี่ยมยาม
https://www.youtube.com/c/BaawThi?sub_confirmation=1



วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

หนี้ ในคำผญาเป็นยังไงบ้างน้อ



ใครเป็นหนี้เหมือนผมบ้าง
ใครเป็นแล้วดี
ใครเป็นเแล้วร้าย
ช่วงโควิดหนี้เพิ่มหรือลด
ช่วงต่อไป ทำไงดี

เห็นนามบัตรหว่านอยู่หน้าบ้าน
โอ เจ้าหนี้กำลังโฆษณา
โอ ลูกหนี้กำลังจะเพิ่มจำนวน?

ลองอ่าน ผญา ของ บ่าวทิ
เพื่อเป็นกำลังใจกันครับ

บัตรเอยบัตรผู้เงินงอกออกตื่มเป็นโกดัง
ให้ความหวังคนจนผู้อยากมีมาใช้
เจ้าดอกหลายเป็นตาย่าน หาได้คืนไวไคแน
เจ้าที่เอาดอกหน่อย มาดีแท้ส่อยเบิ่งกัน ท่านเอย.

ลองอ่านออกเสียเบิ่งเดอครับ
คือสิพอได้ยิ้มหัว
สู้ต่อไปครับ
เป็นกำลังใจกัน

เชิญไป กดติดตาม ช่อง BaawThi ใน YouTube
ไปฟังเสียงผญา หนี้...


ทำไมเขียนนวนิยายไม่ได้ เขียนนวนิยายไม่จบ | #5 คิดเขียนนวนิยาย กับ ทางหอม บทเรียนจาก 'ข่อหล่อเพื่อนกัน'

ปัญหาสำคัญของคนเขียนนวนิยาย ที่ไม่สามารถเขียนมันออกมาได้ หรือเขียนแล้วแต่ไม่สามารถเขียนจบเรื่องได้ ผมว่ามันมีหลักๆ อยู่ 3 ข้อ  

ลองตามมาดูกัน

ปัญหาแรก  เป็นปัญหาของคนประเภทเป้าใหญ่ คิดใหญ่ คิดแบบมืออาชีพ ต้องเขียนแบบนั้นแบบนี้ ต้องมีโครงเรื่องดีๆ ก่อน ต้องมีปมสุดยอดก่อน ต้องมีตัวละครในฝันก่อน... พวกนี้ ยากที่จะลงมือเขียน การคิดใหญ่คิดมาตรฐาน มันเป็นกำแพง เป็นลำคลองขวางกั้น ทำให้ต้องรอ... รอให้ได้ครบตามนั้นจึงจะลงมือ  เชื่อเถอะ ผมว่าคนเราถ้าคิดไป รอไป ให้พร้อม ให้เลิศ... อีกนานกว่าจะได้เริ่ม อาจแก่เฒ่า หรือ ตายไปก่อนจะได้ลงมือ

ปัญหาข้อสอง เป็นปัญหาของคนประเภท ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ เขียนไม่ได้ เขียนไม่เป็น พวกนี้ ส่วนใหญ่จะอ่านนิยายมาพอสมควรนะ อ่านแล้วสนุก อ่านแล้วประทับใจ เลยพลอยเห็นว่าการเขียนเป็นเรื่องของคนเก่ง คนมีพรสวรรค์ จึงดูถูกตนเองว่า เราไม่เก่ง ไม่มีพรสวรรค์  เขียนไม่ได้หรอก  พวกนี้ น่าเห็นใจและน่ารำคาญใจด้วย

ปัญหาข้อที่สาม เป็นปัญหาของคนธรรมดาทั่วไป คือ เรื่องอะไรจะต้องเขียน มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่งานสำคัญอะไร  คือเป็นพวกไม่เห็นค่าของนวนิยาย แน่นอนครับ เมื่อไม่เห็นค่าสิ่งนั้น ก็เปล่าประโยชน์ที่จะเข็นให้เขียน ให้ทำในสิ่งนั้น

ข้อสุดท้ายเป็นปัญหาโลกแตก แก้ยาก จนกว่าเขาจะเกิดเห็นคุณเห็นค่าขึ้นมา  อาจแก้โดยให้ลองอ่านนวนิยายสักเรื่องก่อน  

พอชอบขึ้นมาก็เป็นพวกปัญหาข้อสอง ที่ต้องแก้โดยยุให้แต่ง อ่านของเขาแล้ว เขาก็คนเราก็คน เผลอๆ เรื่องของเราอาจมีเหลี่ยมมุมที่น่าสนใจมากกว่า หรืออย่างน้อยเราก็มีมรดกทางความคิดอ่านฝากโลกไว้สักเรื่อง น่าจะดีไม่น้อย ยุบ่อยๆ ยุเข้าไปๆ

จากนั้นเมื่อเขาอยากแล้วอาจเข้าเป็นพวกแรก วาดฝันผลงานไว้เลิศเลอ แล้วไม่ยอมลงมือเขียนสักที  พวกนี้แก้โดยการบังคับทางอ้อม "เขียนมาหน่อย อยากอ่าน.. จะนำไปลงบล็อก ไปลงเว็บ นำไปอ่านลงยูทูบ..." เมื่อมีเป้าตรงหน้า จากคนรักคนศรัทธาตรงหน้า แถมอาจมีค่าเรื่องให้ด้วย เขาน่าจะลงมือได้ไวขึ้น

ที่เล่ามา เป็นความคิดเห็นเฉพาะของ ทางหอม นะครับ เห็นด้วยเห็นต่างอย่างไร เม้นต์มาคุยกันนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2564

ชีวิตผู้แต่งกับตัวละครในนวนิยาย เกี่ยวข้องกันไหม? | #4 คิดเขียนนวนิยาย กับ ทางหอม บทเรียนจาก 'ข่อหล่อเพื่อนกัน'

หากถามว่า ผู้แต่งกับตัวละครต่างๆ ในนวนิยายของเขา เกี่ยวข้องกันไหม?

คำตอบคือ เกี่ยวข้องแน่นอน  ส่วนจะเกี่ยวข้องมากน้อย แค่ไหน อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้แต่งว่าจะให้

สำหรับ ข่อหล่อเพื่อนกันนั้น ตัวละคร ข่อหล่อ คือบางส่วนเสี้ยวของชีวิตผู้แต่ง 

นิสัยรักการอ่าน การเขียน ชื่นชอบธรรมชาติ นั่นแหละใช่เลย รวมถึงเรื่องราวของฉากที่ตัวละครเข้าไปอยู่ ก็ล้วนเคยเกิดขึ้นจริง เป็นสถานที่ที่ผู้แต่งเคยไปใช้ชีวิตมาก่อน

ตัวละครอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่กะปอมก่า ก็คือตัวละครจริงที่แวดล้อมผู้แต่ง พยายามหยิบเอาจุดเด่นและความประทับใจมาจินตนาการต่อ

ลองดูนะครับ 

หากใครคิดแต่งนวนิยายแล้วคิดตัวละครไม่ออก หรือไปต่อไม่ได้ ลองทบทวนตัวเอง หาแง่มุมของชีวิตที่เราอยากฝากประทับไว้ในนวนิยายมาชุบชีวิตให้เกิดตัวละครใหม่ๆ

หรือไม่ก็หยิบชีวิตคนรอบข้างที่เราประทับใจ ชื่นชม ชื่นชอบ หรือแม่แต่ คนที่ราเกลียด เราไม่พอใจ ก็สามารถกยิบมาจินตนาการต่อ ให้เกิดตัวละครที่เหมาะสมและมีสีสันในนวนิยายของเราได้



ร้างบางเหล่า | เล่าความหลัง

ตอนเด็ก งานเลี้ยงควายยังเป็นของพ่อ  แต่พอโตขึ้น รู้ความ พ่อก็โอนหน้าที่นี้ให้ผม 

คิดย้อนไป นับเป็นโชคดีของผม ที่ได้ฝึกทำงาน พาควายไปเลี้ยง ตักน้ำ เกี่ยวหญ้า อาบน้ำให้ควาย ได้รู้จักควายหลายตัว 

ควายบางตัวดื้อ ไม่ฟังความ เวลาเดินไปตามคันแทนา ชอบตวัดลิ้นเกี่ยวดึงต้นข้าวมากิน

บางตัวเป็นควายคะนอง เวลาฝนตกชอบออกกำลังกาย วิ่งไล่ขวิดควายตัวอื่น จนผมนึกโกรธมัน โดยเฉพาะตอนที่ต้องฝ่าลมฝนขณะฟ้าคำรามและส่องประกายแวบวาบปลาบแปลบ เพื่อไปแยกคู่มวยควายออกจากกัน

พ่อจะซื้อควายมาใช้งาน ไถคราดนาข้าวสวนหอมกระเทียม สาม-สี่ปีก็ขาย แล้วซื้อตัวใหม่ เอาเงินส่วนต่างไว้ทำทุน

เท่าที่จำได้ มีควายตัวใหญ่กำยำ แผ่นหลังแบนพอดีขึ้นนั่งควบไม่เจ็บก้นกบ เราผูกพันกันมาก  ค่ำนั้น ที่ไทแขกมาซื้อเพื่อนไป ผมไม่ยอมลงเฮือนไปบอกลามัน เคยบอกพ่อให้เอามันไว้ ไม่ต้องขายได้ไหม พ่อไม่ตอบ  รุ่งเช้ากลับจากไปเก็บใบหม่อนที่สวนกับย่า เราเห็นเพื่อสี่ขาถูกล่ามไว้ให้เล็มหญ้าที่โพนทางผ่าน ผมยืนจ้องตาเพื่อนอยู่นาน น้ำตาพาลจะไหล เดินจากมาด้วยความอาลัยรัก ไม่รู้ว่าเพื่อนจะถูกขายต่อไปไหนบ้าง...

นั่นคือรสชาติความจริงของชีวิตแบบหนึ่ง มีพบ มีพราก

แต่ก่อนหน้าที่ผมจะได้ทำหน้าที่เลี้ยงควายเอง  จำได้ น่าจะสัก 7-8 ขวบ พ่อพาไปเลี้ยงควายที่ทุ่งนาป่าละเมาะทางตะวันออกหมู่บ้าน ปัจจุบันเป็นศูนย์ราชการของอำเภอไปแล้ว

เราปล่อยควายให้มันเลาะหาเล็มหญ้า พ่อให้ผมนั่งเฝ้า สักพักได้ยินเสียงพ่อเรียก ไปถึง เห็นพ่อนั่งหงายฝาเท้าข้างหนึ่ง เลือดอาบแดงทั่ว พ่อบอกให้ไปเด็ดยอดเหล่าฮ่างมาให้ 

ผมเหงยหน้าขึ้น ดงเหล่าฮ่างเป็นฉากหลังของเรา เบื้องหน้าเป็นทุ่งหญ้าป่าละเมาะ แดดยามบ่ายสาดลงทรงพุ่มต้นหว้า ทอดเงามาตรงนี้ ตรงที่พ่อนั่งพักดูแผลจากเศษขวดแก้ว

ผมได้ยอดใบเหล่าฮ่างมากำหนึ่ง บิดขยี้ลงฝามือตามคำบอกของพ่อ พอมีน้ำจากยอดใบออกมาหน่อย พ่อก็หยิบไปกดปิดบาดแผล  สักครู่เลือดก็หยุดไหล

ผมรู้จักต้นเหล่าฮ่างและสรรพคุณของมัน ก็วันนั้นแหละ วันที่ยังเป็นผู้ช่วยพ่อ เลี้ยงควายตามป่าละเมาะ...

บทเพลง คึดได้ไปเป็น l บ่าวทิ ยางชุมน้อย

ว่าด้วยที่มาของบทเพลง "คึดได้ไปเป็น" •เกิดมาน้อยเท่าใหญ่ ฟังเพลงบอกรักหรือแสดงบุญคุณแม่พ่อ ก็มีแต่เพลงแยก •มีเพลงแม่ อย่าง ค่าน้ำน...