วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ติดคำ ติดอะไรไม่ยอมแกะทิ้ง [คำเล่าฅน โดย ทางหอม]

ติดคำ ติดอะไรไม่ยอมแกะทิ้ง
[คำเล่าฅน  โดย  ทางหอม]
 
เช้าหลายวันก่อน ระหว่างเขานั่งมองหวดที่สวมหม้อนึ่งค้างเตาถ่าน
รอให้ข้าวในนั้นสุก คำคนในบ้านเมื่อครู่ที่ตำกระแทกหัวใจ ดูเหมือนจะโตเป็นฆ้อนปอนด์ กำลังกระหน่ำทุบแก่นแกนหัวใจความคิดอ่าน มันก่อให้เกิดความโกรธ เบื่อหน่าย และพร้อมจะระเบิดออกไป เป็นคำพูดตอบโต้ คำหยาบ คำเหยียด หรือแม้แต่คำเอาคืน
 
ลองคิดดู แค่คำ ว่าแล้ว บ่อยากให้เฮ็ดที่มีความหมายว่า -ว่าแล้า เพราะกลัวจะทำไม่ถูก ไม่ดี จึงไม่อยากให้ทำ เห็นไหมล่ะ ผลมันเป็นยังไง-
 
แต่ในใจกลับโต้ว่า ไม่ให้เกียรติกันเลยเว้ย!’ ‘ฉันคิดอีกแบบ มันมีวิธีที่ดีกว่าที่คุณว่า ก็ที่ฉันทำนี่ล่ะ? เป็นความจริงแท้ คุณเล่นจำกัดวงความคิดถูก-ผิดไว้แคบๆ แค่นั้น จะไปรู้อะไร!’
 
พลันเขาก็คิดไปถึงข่าวร้ายๆ ในจอโทรทัศน์ ตามหน้าหนึ่งแฟลตฟอร์มออนไลน์  ที่คนทะเลาะกัน ทำร้ายกัน ฆ่าฟันรันแทงกัน เพียงเพราะคำพูดของอีกฝ่าย
 
แล้วอะไรล่ะ ที่ใจเราข้องติด คำมันมีกาว มีตัวยึดใจ ยึดความคิดเราให้ไปจดจ่อ และพอกพูนความหมายทางลบ มากขึ้นๆ จนท่วมทับถมทุยทำลายหลักการและเหตุผล ของความเป็นฅนที่ควรมีต่อกัน ที่ควรเคารพ ทบทวน ให้อภัย และหันหน้าเจรจากันใหม่
 
ระหว่างนั้น รอยยิ้ม หรือแม้แต่แววตาอาทร หายไปไหนเสียเล่า?
 
เราติดยึดกับความหมายอดีตที่ติดตัวเรามาของคำเหล่านั้น ใช่ไหม?
เรายอมให้ตัวเราตกเป็นทาสความจริงที่ตายไปแล้ว อย่างนั่นหรือ?
หรือว่า จิตใจเราตกไปอยู่ในทะเลโคลนดูดความหมายเดียว ที่เราพอใจจนไม่อยากจะปีนออกมา ยอมให้ตัวเองจมหายตายไปอย่างกับกิ่งไม้ ก้อนอิฐ หรือสิ่งของที่ไร้ความคิดอ่านเสียแล้ว
 
แว้บ! ที่เขามองไปที่หวดข้าวนึ่ง ที่กระอายไอขาวขุ่น แทรกตัวออกมารอบๆ ฝาหม้อที่ปิดอยู่ สูดลมหายใจเข้ายาว แล้วค่อยๆ ผ่อนออกช้าๆ ทำอยู่สามรอบ เขาจึงรู้ตัวว่า ตัวเขาอยู่ตรงนี้
 
คำพูดนั้น หดมือกาวหนึบเหนียวของมัน และแรงดึงเหนี่ยวรั้งก็มลายหายไปสิ้น เหมือนนักมายากลเล่นกลของหาย ที่เราพยายามจ้องดูอยู่ไม่วางตา นานนับหลายนาที แต่มันก็เร็วสุด จนมองไม่ทัน
 
 
 

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...